การรีวิวในครั้งนี้นะค่ะ เราจะทำการเทส คือ
1. ใช้เครื่องสำอางกันน้ำทั้งหมดทาลงบนแขน
2. จากนั้นใช้คลีนซิ่งเทลงบนสำลีให้ชุ่ม แล้วเช็ดออกเบาๆ สองรอบเพื่อดูผลลัพธ์
3. ค่อยๆ เช็ดออกจนหมดแล้วดูผลลัพธ์ของแต่ละยี่ห้อ
วันนี้เอ็มจะขอหยิบคลีนซิ่ง 4 ตัวที่เอ็มมีอยู่มาลองรีวิวให้ได้ดูกันดีกว่า ว่าแต่ละตัวเป็นยังไงบ้าง
ทีนี้เราก็ไปดูผลลัพธ์พร้อมๆ กันดีกว่า ว่าแต่ละผลิตภัณฑ์ให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นยังไงบ้าง ป่ะ ป่ะ
By Emmoojung
เริ่มกันที่ตัวแรก NIVEA Acne Oil Control Make up Clear Cleansing Water
จากภาพที่ 2 คือการเช็ดออกสองรอบ เราจะสังเกตเห็นได้ว่าเครื่องสำอางกันน้ำยังคงติดอยู่
ออกเพียงนิดหน่อยเท่านั้น คือต้องเช็ดหลายๆ รอบหน่อยอ่ะ ก็สามารถเช็ดเครื่องสำอางกันน้ำ
ออกได้เช่นกัน แต่อาจมีคราบเครื่องสำอางหลงเหลืออยู่บ้าง อย่างในภาพก็จะเห็นได้ชัดเลยว่า
คราบดินสอเขียนคิ้ว คราบทินท์ แล้วก็คราบมาสคาร่ายังคงเหลืออยู่ เพราะตัวที่เราใช้เทสในครั้งนี้
เป็นเครื่องสำอางกันน้ำแบบค่อนข้างติดทนเลยแหละ แต่ด้วยราคาที่ค่อนข้างถูกคือถ้าใช้ในวันปกติ
ธรรมดาเช็ดพวกคราบแป้ง คราบรองพื้นธรรมดาๆ ที่ไม่ได้กันน้ำระดับเทพอ่ะนะก็ถือว่าโอเคอยู่
ออกเพียงนิดหน่อยเท่านั้น คือต้องเช็ดหลายๆ รอบหน่อยอ่ะ ก็สามารถเช็ดเครื่องสำอางกันน้ำ
ออกได้เช่นกัน แต่อาจมีคราบเครื่องสำอางหลงเหลืออยู่บ้าง อย่างในภาพก็จะเห็นได้ชัดเลยว่า
คราบดินสอเขียนคิ้ว คราบทินท์ แล้วก็คราบมาสคาร่ายังคงเหลืออยู่ เพราะตัวที่เราใช้เทสในครั้งนี้
เป็นเครื่องสำอางกันน้ำแบบค่อนข้างติดทนเลยแหละ แต่ด้วยราคาที่ค่อนข้างถูกคือถ้าใช้ในวันปกติ
ธรรมดาเช็ดพวกคราบแป้ง คราบรองพื้นธรรมดาๆ ที่ไม่ได้กันน้ำระดับเทพอ่ะนะก็ถือว่าโอเคอยู่
จากภาพที่ 2 คือการเช็ดออกสองรอบเช่นเดิม เราจะสังเกตเห็นได้ว่าเครื่องสำอางกันน้ำหลุดออกเยอะขึ้น
แต่ก็ยังไม่หมดออกประมาณ 50% ล่ะ แต่ถ้าเราเช็ดต่อไปเรื่อยๆ มันก็สามารถเช็ดเครื่องสำอางกันน้ำ
ออกได้หมดเหมือนกันอาจมีคราบของดินสอเขียนคิ้วและทินท์หลงเหลืออยู่บ้างบางๆ เท่านั้นเอง
ตัวที่ 3 Bifesta Sebum Cleansing Lotion
จากภาพที่ 2 เราได้ทำการเช็ดออกสองรอบเหมือนเดิม จะสังเกตเห็นได้ว่า เครื่องสำอางกันน้ำ
หลุดออกเยอะขึ้นอีก แต่ก็ยังไม่หมดออกประมาณ 70% ล่ะ เช่นเดียวกันคือถ้าเช็ดต่อๆปเรื่อยๆ มันก็
สามารถเช็ดเครื่องสำอางกันน้ำออกได้หมดเหมือนกัน แต่ก็ยังคงมีคราบของทินท์บางๆ จางๆ ให้เราเห็นอยู่
หลุดออกเยอะขึ้นอีก แต่ก็ยังไม่หมดออกประมาณ 70% ล่ะ เช่นเดียวกันคือถ้าเช็ดต่อๆปเรื่อยๆ มันก็
สามารถเช็ดเครื่องสำอางกันน้ำออกได้หมดเหมือนกัน แต่ก็ยังคงมีคราบของทินท์บางๆ จางๆ ให้เราเห็นอยู่
ตัวสุดท้าย Biore Makeup Remover Perfect Cleansing Water
สำหรับตัวสุดท้าย จากภาพที่ 2 เราได้ทำการเช็ดออกสองรอบเหมือนกันกับสามภาพบน
จะสังเกตเห็นได้ว่า เครื่องสำอางกันน้ำหลุดออกเยอะสุด ออกประมาณ 90% เลยทีเดียว
แน่นอนค่ะว่าถ้าเช็ดต่อไปเรื่อยๆ เครื่่องสำอางกันน้ำทั้งหมดก็หลุดออกหมดอย่างง่ายดาย
จะสังเกตเห็นได้ว่า เครื่องสำอางกันน้ำหลุดออกเยอะสุด ออกประมาณ 90% เลยทีเดียว
แน่นอนค่ะว่าถ้าเช็ดต่อไปเรื่อยๆ เครื่่องสำอางกันน้ำทั้งหมดก็หลุดออกหมดอย่างง่ายดาย
ทีนี้เรามาลองเช็ดกับหน้าดูกันบ้าง
จากการทดสอบด้านบน ผลิตภัณฑ์ 2 ตัวนี้ คือ Biore และ Bifesta เป็นตัวที่เช็ดได้ค่อนข้างเกลี้ยงสุด
งั้นเอ็มขอเทสกับหน้าแค่ 2 ตัวนี้แล้วกันนะ เริ่มจากบีบคลีนซิ่งทั้ง 2 ยี่ห้อลงบนสำลีจนชุ่ม แล้วลอง
เช็ดเครื่องสำอางบนหน้าดู โดยการเช็ดจากบนลงล่างเพียงรอบเดียว ทีนี้เราไปดูผลลัพธ์กัน
เช็ดเครื่องสำอางบนหน้าดู โดยการเช็ดจากบนลงล่างเพียงรอบเดียว ทีนี้เราไปดูผลลัพธ์กัน
และนี่คือผลที่ได้ค่ะ ซึ่งเราจะสังเกตเห็นได้ว่าฝั่งซ้ายมือซึ่งใช้ Biore เช็ดออกนั้นจะมีคราบ
เครื่องสำอางติดออกมาเยอะกว่า รวมถึงมีคราบมาสคาร่ากันน้ำก็หลุดออกมาด้วย
เครื่องสำอางติดออกมาเยอะกว่า รวมถึงมีคราบมาสคาร่ากันน้ำก็หลุดออกมาด้วย
ฉะนั้นผู้ชนะในเกมส์นี้ ได้แก่ Biore จ้า ปรบมือๆ
ซึ่งคลีนซิ่งที่ดีควรจะเช็ดเครื่องสำอางออกได้โดยง่าย โดยที่ไม่ต้องถูมากมายเพื่อป้องกันแรง
เสียดสีที่จะเกิดขึ้นกับใบหน้า ซึ่งเป็นสาเหตุของสิว ริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่นต่างๆ นั่นเองค่ะ
เสียดสีที่จะเกิดขึ้นกับใบหน้า ซึ่งเป็นสาเหตุของสิว ริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่นต่างๆ นั่นเองค่ะ
แต่แนะนำว่าถ้าจะใช้คลีนซิ่งเช็ดรอบดวงตาควรหลับตาให้สนิทก่อนเช็ดนะเพื่อป้องกันการระคายเคืองจ้า
#แค่บอกต่อไม่ได้ขาย#
นี่เป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้นนะคะ
ทั้งนี้ทั้งนั้นผลของใช้ผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด ขึ้นอยู่กับความชอบและพื้นฐานผิวของแต่ละคนด้วย